งานแถลงข่าว HELLO HATYAI 2024
วันที่ 9 กันยายน 2567 ณ ห้องภูผาเมฆ, ที อาร์ ร็อค ฮิลล์ โฮเทล อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เร่งกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวมาเลเซียสู่ อ.หาดใหญ่ พร้อมจัดงาน “HELLO HATYAI” ตลอดเดือนกันยายน 2567 เพื่อร่วมเฉลิมฉลองวันก่อตั้งประเทศมาเลเซียและทำให้ อ.หาดใหญ่ เป็นจุดมุ่งหมายด้านท่องเที่ยวในใจของชาวมาเลเซียตลอดไป

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกับ เทศบาลนครหาดใหญ่ และ ภาคเอกชนในพื้นที่ จัดงาน HELLO HATYAI 2024 ในช่วงเดือนกันยายน – ตุลาคม 2567 ณ บริเวณ ถนนประชารมย์ และถนนภราดร อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย สู่ อ.หาดใหญ่ ในช่วงการเฉลิมฉลองวันก่อตั้งประเทศมาเลเซีย พร้อมการส่งเสริมพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวแนวใหม่สำหรับ อ.หาดใหญ่ ผ่านการแสดงงานศิลปะในรูปแบบ STREET ART อ.หาดใหญ่ ซึ่งนำสู่ความยั่งยืนของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และ มุ่งหวังให้
อ.หาดใหญ่ เป็นจุดมุ่งหมายด้านท่องเที่ยวในใจของชาวมาเลเซียตลอดไป

คุณ นงเยาว์ จิรันดร ผู้อำนวยการสำนักงาน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานหาดใหญ่ กล่าวว่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นหนึ่งพื้นที่ยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศไทย โดย อ.หาดใหญ่ ที่มีโอกาสในการต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศอย่างมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ดังนั้น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จึงเล็งเห็นโอกาสในการส่งเสริมและเร่งกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย สู่ อ.หาดใหญ่ ที่มากยิ่งขึ้น เพิ่มระยะเวลาการพำนัก “LENGTH OF STAY” ของนักท่องเที่ยวที่ยาวนานยิ่งขึ้น ซึ่งนำมาสู่กระแสเงินสดหมุนเวียนในอุตสาหกรรมท่องที่ยวในระดับพื้นที่, ระดับภูมิภาค และ ระดับประเทศ พร้อมการสร้างความยั่งยืนของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งระบบ และ ในวันที่ 16 กันยายนของทุกปี ตรงกับ “วันก่อตั้งประเทศมาเลเซีย” ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียจะดำเนินการวางแผนเฉลิมฉลองพร้อมเดินทางท่องเที่ยวในประเทศและต่างประเทศ ตลอดช่วงเดือน กันยายน ของทุกปี

จากเหตุผลดังกล่าวนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงมีแนวคิดในการร่วมเฉลิมฉลองกับ
ชาวมาเลเซีย ณ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยการจัดโครงการ “HELLO HATYAI 2024” ภายใต้แนวคิด “CELEBRATE BEST FRIEND” ซึ่งความพิเศษของ HELLO HATYAI ในครั้งนี้คือ “การจัดงานที่เป็นมากกว่าการจัดงาน” เพราะงานในครั้งนี้ เรามุ่งหวังในการเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่สำหรับ


อ.หาดใหญ่ และ ทำให้ อ.หาดใหญ่ เป็นจุดมุ่งหมายด้านท่องเที่ยวในใจของชาวมาเลเซียตลอดไป โดยภาย
ในงานประกอบด้วย

ส่วนที่ 1 : การส่งเสริมพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวแนวใหม่สำหรับ อ.หาดใหญ่ ผ่านการแสดงงานศิลปะในรูปแบบ STREET ART โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ทำงานร่วมกับศิลปินด้าน STREET ART ชั้นนำของประเทศไทยในการสร้างสรรค์ งาน SCRULTURE ที่มีความสูงกว่า 3.0 เมตร และ งาน STREET ART
ที่มีขนาดมากกว่า 100 ตารางเมตร จำนวน 3 ชิ้นงาน ภายใต้ CONCEPT “HELLO HATYAI เมืองแห่งสีสันความสนุก” ที่นำเสนอถึงความสวยงามและของดี อ.หาดใหญ่ และ ความเป็นมิตรกับชาวมาเลเซีย

ส่วนที่ 2 : การจัดงานถนนคนเดิน ในรูปแบบ “LIFESTYLE PERFORMANCE” ณ ถนนประชารมย์ และ ถนนภราดร อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จำนวน 4 ครั้ง ระหว่าง วันที่ 14 – 15 กันยายน, 21 – 22 กันยายน, 28 – 29 กันยายน 2567 และ 5 – 6 ตุลาคม 2567 โดยภายในงานนักท่องเที่ยวจะสามารถสนุกสนานไปกับกิจกรรมมากมาย อาทิ การออกร้านอาหารและแฟชั่น จากผู้ประกอบการกว่า 150 ร้านค้า, การแสดงดนตรีแบบ POP UP STAGE จำนวน 3 เวที ประกอบด้วย เวที FOLK SONG, เวที LIVE MUSIC และ เวที ELECTRONIC MUSIC โดยความพิเศษในครั้งนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้เชิญ DJ ต่างประเทศ จาก ประเทศมาเลเซีย, เบลเยี่ยม, เยอรมัน, แคนาดา และ อิสราเอล ร่วมโชว์กับ DJ ชาวไทย จำนวนมากมาย, PERFORMANCE SHOW ศิลปวัฒนธรรมไทย, WORKSHOP สนุกสนานมากมาย, STREET ART และ ZONE ถ่ายภาพต่างๆ

โดยตลอดระยะเวลาในการจัดงานครั้งนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท) คาดการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทย และ ชาวมาเลเซีย จะเดินทางสู่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในตลอดช่วงระยะเวลาการจัดงานกว่า 66,000.00 คน สร้างกระแสเงินสดหมุนเวียนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจำนวนกว่า 133,470,000.00 บาท แต่ที่สำคัญที่สุดการจัดงานในครั้งนี้จะเป็นการตอกย้ำให้ อ.หาดใหญ่ เป็นหนึ่งในจุดหมายด้านการท่องเที่ยวหลักในใจของชาวมาเลเซีย (TOP OF MIND) ตลอดไป

นายสัมฤทธิ์ บุญรัตน์ รองนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณ รัฐบาล และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่เล็งเห็นถึงศักยภาพ ของอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในฐานะหนึ่งในพื้นที่ยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศไทย โดยงาน HELLO HATYAI ในครั้งนี้ เป็นการทำงานบูรณาการระหว่าง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เทศบาลนครหาดใหญ่ พร้อม ภาครัฐ และ เอกชน ในพื้นที่อ.หาดใหญ่ ในการร่วมแสดงความยินดีในโอกาสวันก่อตั้งประเทศมาเลเซียประจำปี 2567 แก่มหามิตรชาวมาเลเซีย เพื่อนบ้านอันเป็นที่รักยิ่งของพวกเรา รวมถึงการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมเพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวชาวไทย และ ชาวมาเลเซีย สู่ อ.หาดใหญ่ เพื่อเป็นการเร่งกระตุ้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของ อ.หาดใหญ่ ให้กลับมาคึกคัก พร้อมการสร้างความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ในฐานะ นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ ผมขอเป็นตัวแทน พี่น้องประชาชนชาว อ.หาดใหญ่ ในการขอบคุณ “สถานกงสุลใหญ่มาเลเซีย ประจำจังหวัดสงขลา และ พี่น้องชาวมาเลเซียทุกคน” ที่มาเยี่ยมเยือน อ.หาดใหญ่ มาโดยตลอด ผมเชื่อว่านักท่องเที่ยว
ทุกคนจะได้รับความสนุก ความสุข และ มิตรภาพจากชาวหาดใหญ่ทุกคน “พวกเราชาวหาดใหญ่พร้อมต้อนรับพี่น้องชาวมาเลเซียทุกวันทุกเวลา”

MR. AHMAD FAHMI BIN AHMAD SARKAWI กงสุลใหญ่มาเลเซีย ประจำจังหวัดสงขลา กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับชาวมาเลเซียที่รักทุกคนที่อาศัยอยู่ในประเทศและทุกคนในหาดใหญ่ ประเทศไทยและประเทศมาเลเซียมีความสัมพันธ์ทางการทูตกันมายาวนานกว่า 67 ปี และ มีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นต่อไปอย่างเข้มแข็ง ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียกว่า 2 ล้านคน เดินทางมาประเทศ ในนามของกงสุลใหญ่มาเลเซียประจำจังหวัดสงขลา ผมขอแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจต่อทุกท่านที่ให้ความสำคัญในการร่วมเฉลิมฉลองวันมาเลเซียกับชาวมาเลเซียที่รักทุกท่าน ณ อ.หาดใหญ่แห่งนี้ และ ขอขอบคุณ รัฐบาลไทย
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ เทศบาลนครหาดใหญ่ ในการดำเนินการจัดงาน HELLO HATYAI
ในครั้งนี้ ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ยืนยันความสัมพันธ์อันยิ่งใหญ่ของทั้งสองประเทศ และ เสริมสร้างความสัมพันธ์
ของประเทศมาเลเซียและประเทศไทยตลอดไป

ติดตามข่าวสารได้ทาง
www.metro915news.com
มหานครหาดใหญ่นิวส์
ลงข่าวโฆษณาโทร0988796292

By Kasima

ใส่ความเห็น

ประเด็น

“ทวี”รมว.ยุติธรรมลงพื้นที่พบประชาชนในเมืองหาดใหญ่เร่งแก้ปัญหายาเสพติดชายแดนใต้จากผลพวงของน้ำใบกระท่อมและกัญชาทำผู้ป่วยเพิ่มขึ้น13เปอร์เซ็นต์และป่วยจิตเพิ่มขึ้น20เปอร์เซ็น เร่งแก้ปัญหาหนี้สินประชาชนและข้าราชการหนี้กยศ.และเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครสส.เขต2หาดใหญ่สมัยหน้า ส่วนคดีฮั้วสว.เชื่อที่ดีเอสไอรับเรื่องต้องมีมูลเมื่อเวลา15.30น.วันนี้(10พ.ค.68)ที่โรงแรมญันนะตีย์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เดินทางไปพบปะเยี่ยมเยียนประชาชนในพื้นที่อ.หาดใหญ่และใกล้เคียงพร้อมกับแถลงถึงนโยบายต่างๆทั้งในส่วนของกระทรวงยุติธรรมและรัฐบาลโดยมีตัวแทนภาคประชาชนทั้ง103ชุมชนของเมืองหาดใหญ่ตัวแทนภาคธุรกิจและสมาคมองค์กรต่างๆในเมืองหาดใหญ่และคณะกรรมการอิสลามประจำจ.สงขลาเข้าร่วมรับฟังราว500คน และยังเปิดให้ร่วมกันสะท้อนปัญหาเร่งด่วนที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชนพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยหนึ่งปัญหาสำคัญของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ต้องเร่งแก้ไขและควบคุมคือเรื่องยาเสพติด ทั้งใบกระท่อมและกัญชาที่แม้ว่าจะถูกถอดออกจากบัญชียาเสพติดเพราะขณะนี้พบว่ามีการเปิดร้านขายใบกระท่อมและน้ำใบกระท่อมจำนวนมากซึ่งในส่วนของน้ำใบกระท่อมนั้นยังถือว่าผิดกฏหมายอยู่ที่สำคัญ จากการลงพื้นที่ไปประชุมเรื่องนี้พบว่าขณะนี้มีผู้ที่เข้ารับการรักษาจากการดื่มน้ำใบกระท่อมเพิ่มขึ้น 13 เปอร์เซ็นต์ และป่วยจิตเวชเพิ่มขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์ซึ่งต้องเร่งหามาตรการควบคุมเพราะกำลังกลายเป็นปัญหาด้านความมั่นคง ซึ่งการแก้ปัญหาเรื่องยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อาจจะต้องนำกฏอัยการศึกกลับมาใช้ และผู้ค้ายาเสพติดจะต้องไม่มีที่อยู่อีกเรื่องที่ทางกระทรวงยุติธรรมกำลังเร่งแก้ปัญหาให้กับประชาชนคือเรื่องของหนี้สินรวมถึงหนี้ของข้าราชการโดยเฉพาะครูซึ่งเป็นหนี้มากที่สุด และหนี้กยศ.ซึ่งขณะนี้กระทรวงยุติธรรมกำลังเร่งดำเนินการอยู่ เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกหนี้และเจ้าหนี้ได้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย และ เข้าถึงกระบวนการยุติธรรม รวมถึงสิทธิประโยชน์อื่น ๆ จากสถาบันการเงิน นอกจากนี้ยังมีเรื่องการแก้ปัญหาที่ดินเพื่อให้ชาวบ้านต้องมีที่ทำกินอย่างน้อยๆ 20 ไร่ส่วนเรื่องที่ประชาชนได้สะท้อนผ่าน พ.ต.อ.ทวี ผ่านไปยังรัฐบาลคือเรื่องปัญหาเศรษฐกิจและราคาพืชผลทางการเกษตรโดยเฉพาะยางพาราที่ตกต่ำ ซึ่งมีเจ้าของสวนยางรายหนึ่งบอกว่าสวนยาง60ไร่ตอนนี้ไม่มีคนกรีดแล้วเพราะว่าราคายกตกต่ำ ซึ่งพ.ต.อ.ทวี ก็รับที่จะประสานให้นอกจากนี้พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมยังให้สัมภาษณ์ถึงคดีฮั้วสว.หลังจากที่กกต. และดีเอสไอ นำหมายเรียกคดีฮั้ว สว.ไปส่งมอบให้ สว. 53 คน เข้าชี้แจงโดยระบุว่าคดีนี้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ทุกอย่างมันมีกฎหมายอยู่ คดีนี้ไม่หนักใจ และยิ่งดีด้วยซ้ำที่มีการตรวจสอบ เพราะว่าตอนนี้แม้แต่องค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ ก็ยังมีการแจ้งข้อหา แสดงว่าที่ดีเอสไอรับทำเรื่องนี้ต้องมีมูลที่สำคัญจะต้องอำนวยความยุติธรรมให้ทุกคน แม้แต่คนที่เข้าใจว่าตนเองถูกกล่าวหาถ้าอยากจะไปให้การก็ไปได้ การทำงานของกระทรวงยุติธรรม โดยกรมสอบสวนอยากให้เป็นมืออาชีพ คำว่ามืออาชีพต้องมีวิชาชีพด้วย เพราะวิชาชีพกับอาชีพต่างกัน อาชีพจะหากำไร ส่วนวิชาชีพ ต้องมีศิลธรรมจรรยาบรรณและกฏหมายเข้าไป ทางดีเอสไอจะทำในฐานะวิชาชีพ จะปลอดจากอิทธิพลใดๆมาครอบงำ ส่วนการจะเรียกสว.ล๊อต2ล๊อต3มาชี้แจงหรือไม่นั้นเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับกกต.สำหรับการลงพื้นที่อ.หาดใหญ่ของพ.ต.อ.ทวี ในวันนี้ยังได้มีการเปิดตัว พล.ต.ท.พัฒนวุธ อังคะนาวิน ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจ.นราธิวาส รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค9และเกษียณราชการในตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานงบประมาณและการเงินสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยสมัยหน้าจะลงสมัครสส.เขต 2 จ.สงขลา ซึ่งอยู่ในพื้นที่อ.หาดใหญ่ ในนามของพรรคประชาชาติด้วย เพื่อเป็นตัวแทนของชาวเมืองหาดใหญ่และของพรรคประชาชาติ และตอนนี้ถึงจะยังไม่เป็นสส.แต่ก็ให้ลงพื้นที่ทำงานเหมือนสส.เพื่อรับเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนผ่านไปยังรัฐบาลและขยายฐานของพรรคประชาชาตินอกเหนือจากพื้นที่3จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เป็นฐานเสียงหลัก และสมัยหน้าพรรคประชาชาติก็จะส่งผู้สมัครครบทุกจังหวัดแต่อาจจะไม่ครบทุกเขต

สงขลา / สนามแตก ผู้การชาติ เพื่อน ลุงตู่ เบอร์ 4 ปราศรัย โค้งสุดท้ายคนนับหมื่นชูโยบายโดนใจคนทั้งเมืองหาดใหญ่วันนี้ ( 9 พฤษภาคม 2568 ) เวลา 18.30 น. ที่โรงเรียนเอ็งเสียงสามัคคีหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาพันเอก (พิเศษ) สุชาติ จันทรโชติกุล หรือที่รู้จักกันในนาม “ผู้การชาติ” ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในฐานะผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ หมายเลข 4 ในนาม “ทีมหาดใหญ่ต้องดีกว่าเดิม”โดยมีผู้ขึ้นปราศรัย นาย ประมุข ลมูล อดีต ผวจ.ปัตตานี ประธานที่ปรึกษา พันเอก (พิเศษ) สุชาติ จันทรโชติกุล นายพิเชฐฏ พัฒนโชติ อดีตรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ และประธาน บจก.เฮลทีเอิร์ธ มีผู้สนใจเข้าฟังปราศรัยหมื่นกว่า คนในงานเปิดตัวครั้งนี้ พันเอกสุชาติได้แถลงนโยบายหลัก 6 ด้าน ภายใต้แนวคิด “ชุมชนดีกว่าเดิม” โดยเน้นการกระจายงบประมาณสู่ชุมชนอย่างเป็นธรรมและโปร่งใส นโยบายสำคัญประกอบด้วย:• การจัดสรรงบประมาณ 130 ล้านบาทต่อปีให้กับ 103 ชุมชนในเขตเทศบาล เพื่อให้ชุมชนสามารถบริหารและพัฒนาตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ• การสนับสนุนกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ด้วยงบประมาณ 50 ล้านบาทต่อปี เพื่อเสริมสร้างระบบสาธารณสุขในระดับชุมชน• การส่งเสริมกลุ่มสตรีและเยาวชนให้มีบทบาทในการพัฒนาชุมชนและสังคม• การพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ให้มีความทันสมัยและตอบสนองความต้องการของประชาชน• การส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนและการสร้างงานในพื้นที่• การพัฒนาการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับประชาชนทุกช่วงวัย