“รมต.จิราพร” ลงใต้จัดกิจกรรมกองทุนหมู่บ้านภูมิภาค จ.สงขลา

สร้างชุมชนเข้มแข็ง-เสริมศักยภาพครัวเรือนแก้หนี้นอกระบบ

“รมต.จิราพร” เดินหน้าขับเคลื่อนกิจกรรม “กองทุนหมู่บ้านมั่นคง ชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืน” ปี 67 หลังประสบความสำเร็จจากการจัดงานที่จ.เชียงใหม่ ขับเคลื่อนศักยภาพครัวเรือนเข้มแข็งทั่วประเทศ แก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ลดภาระหนี้ระดับครัวเรือน สร้างขีดความสามารถในการพึ่งพาและพัฒนาตนเอง พร้อมยกระดับเศรษฐกิจฐานราก สู่สังคมไทยยั่งยืน

เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2567 สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) ได้จัดกิจกรรม “กองทุนหมู่บ้านมั่นคง ชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืน” และการประชุมเชิงปฏิบัติการเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองภาคใต้ ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยมี นายเบญจพล นาคประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ พร้อมด้วยนายสมบัติ หนูทอง ประธานกรรมการเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองภาคใต้ เข้าร่วม

นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากการจัดกิจกรรมครั้งที่ผ่านมา ที่จังหวัดเชียงใหม่ นับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เห็นได้จากผู้ร่วมกิจกรรมมากกว่า 1,000 ราย ที่เข้ามาขอรับคำปรึกษาแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ รวมถึงการใช้บริการของบูธคลินิกแก้หนี้ของสถาบันการเงินต่างๆ สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของการดำเนินกิจกรรม ที่มุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาในระดับชุมชน การเป็นต้นแบบที่ประสบความสำเร็จ และสามารถส่งต่อเป็นชุมชนเข้มแข็ง ที่มีศักยภาพในการพึ่งพาตนเอง มีรายได้ที่มั่นคงจากประกอบอาชีพหลัก และอาชีพเสริม สามารถบริหารการจัดการทางการเงิน ลดภาระหนี้ที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะหนี้นอกระบบที่สร้างความเสียหาย ต่อระบบเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ รวมถึงปัญหาครอบครัว

สำหรับการจัดกิจกรรม กองทุนหมู่บ้านมั่นคง ชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืน และการประชุมเชิงปฏิบัติการเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองในพื้นที่ภาคใต้ ครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 3 และยังเหลืออีก 1 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคกลาง ที่จะจัดขึ้นเร็วๆ นี้ ทำให้มั่นใจว่าการจัดกิจกรรมในครั้งต่อๆ ไป จะประสบความสำเร็จ และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากสมาชิกและผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในทุกๆ ครั้งที่จัดงาน

ทั้งนี้ ความสำเร็จของการดำเนินการกองทุนฯ สามารถตอบโจทย์การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างแท้จริง โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะขับเคลื่อนกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองให้มีศักยภาพสู่การเป็นองค์กรที่เข้มแข็ง ตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการลดภาระหนี้ระดับครัวเรือน และการเพิ่มศักยภาพของครัวเรือนให้มีขีดความสามารถในการพัฒนาตนเอง ที่จะนำไปสู่การช่วยลดแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ และยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้มีความมั่นคง ผ่านกิจกรรม “กองทุนหมู่บ้านมั่นคง ชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืน” และการประชุมเชิงปฏิบัติการเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ที่มีแผนงานการสนับสนุนชุมชนอย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบัน กองทุนฯ ได้ดำเนินกิจการก้าวเข้าสู่ปีที่ 23 โดยดำเนินกิจการมาตั้งแต่ปี 2544 สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจฐานราก ตามแนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากที่มีเป้าหมายการเพิ่มศักยภาพกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ทั้งในด้านกฎหมาย ระบบบัญชีการเงิน พัฒนาธุรกิจ และเทคโนโลยี รวมถึงความเข้าใจ ในบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบ ผ่านการร่วมกันคิด ร่วมกันทำด้วยความสุจริต ที่ถือประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก

นายเบญจพล นาคประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) กล่าวว่า การจัดกิจกรรม “กองทุนหมู่บ้านมั่นคง ชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืน” ภายใต้โครงการส่งเสริมการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบอย่างยั่งยืนในหมู่บ้านและชุมชนเมือง และการประชุมเชิงปฏิบัติการเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ภาคใต้ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวในการบริหารจัดการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองอื่นๆ ทั้งยังเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ แนวทาง ข้อเสนอแนะ และปัญหาอุปสรรคต่างๆ ของเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง เพื่อให้กองทุนและชุมชนเมืองต้นแบบ ที่ประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ได้มีโอกาสส่งต่อแนวคิดการบริหารสู่กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองอื่นๆ

ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัว มีผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวกว่า 1,000 คน จากทุกภาคส่วน ได้แก่ ผู้แทนคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง, ผู้แทนเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองระดับอำเภอ, กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ, ผู้บริหารและบุคลากร สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.), ผู้แทนหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน และสื่อมวลชน

สำหรับภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมต่างๆ อาทิ การเสวนาในหัวข้อ “สถานการณ์และการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างยั่งยืน” และ หัวข้อ “ไขกลยุทธ์ สู่อิสระทางการเงิน โดยกองทุนหมู่บ้านฯ ต้นแบบ” โดยผู้แทนสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง รวมถึงผู้ทรงคุณวุฒิ เช่น คุณอาจิน จุ้งลก ที่ปรึกษาโครงการและประธานมูลนิธิเพื่อการปฏิรูปสิทธิลูกหนี้ คุณอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนาศักดิ์ ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามหนี้นอกระบบ และอำนวยความเป็นธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และผู้เชี่ยวชาญด้านการให้สินเชื่อ นอกจากนี้ ยังมีการออกบูธจากกองทุนต่างๆ บูธให้บริการคำปรึกษาเพื่อแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ บูธคลินิกแก้หนี้ และบูธจากสถาบันการเงิน ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์เพื่อการเกษตร และธนาคารออมสิน รวมถึงการจัดนิทรรศการของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับความสำเร็จของการดำเนินการของ สทบ.

ทั้งนี้ สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ Facebook Page : สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ

#สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ#กองทุนหมู่บ้าน#กองทุนหมู่บ้านมั่นคงชุมชนเข้มแข็ง

By Kasima

ใส่ความเห็น

ประเด็น

“ทวี”รมว.ยุติธรรมลงพื้นที่พบประชาชนในเมืองหาดใหญ่เร่งแก้ปัญหายาเสพติดชายแดนใต้จากผลพวงของน้ำใบกระท่อมและกัญชาทำผู้ป่วยเพิ่มขึ้น13เปอร์เซ็นต์และป่วยจิตเพิ่มขึ้น20เปอร์เซ็น เร่งแก้ปัญหาหนี้สินประชาชนและข้าราชการหนี้กยศ.และเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครสส.เขต2หาดใหญ่สมัยหน้า ส่วนคดีฮั้วสว.เชื่อที่ดีเอสไอรับเรื่องต้องมีมูลเมื่อเวลา15.30น.วันนี้(10พ.ค.68)ที่โรงแรมญันนะตีย์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เดินทางไปพบปะเยี่ยมเยียนประชาชนในพื้นที่อ.หาดใหญ่และใกล้เคียงพร้อมกับแถลงถึงนโยบายต่างๆทั้งในส่วนของกระทรวงยุติธรรมและรัฐบาลโดยมีตัวแทนภาคประชาชนทั้ง103ชุมชนของเมืองหาดใหญ่ตัวแทนภาคธุรกิจและสมาคมองค์กรต่างๆในเมืองหาดใหญ่และคณะกรรมการอิสลามประจำจ.สงขลาเข้าร่วมรับฟังราว500คน และยังเปิดให้ร่วมกันสะท้อนปัญหาเร่งด่วนที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชนพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยหนึ่งปัญหาสำคัญของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ต้องเร่งแก้ไขและควบคุมคือเรื่องยาเสพติด ทั้งใบกระท่อมและกัญชาที่แม้ว่าจะถูกถอดออกจากบัญชียาเสพติดเพราะขณะนี้พบว่ามีการเปิดร้านขายใบกระท่อมและน้ำใบกระท่อมจำนวนมากซึ่งในส่วนของน้ำใบกระท่อมนั้นยังถือว่าผิดกฏหมายอยู่ที่สำคัญ จากการลงพื้นที่ไปประชุมเรื่องนี้พบว่าขณะนี้มีผู้ที่เข้ารับการรักษาจากการดื่มน้ำใบกระท่อมเพิ่มขึ้น 13 เปอร์เซ็นต์ และป่วยจิตเวชเพิ่มขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์ซึ่งต้องเร่งหามาตรการควบคุมเพราะกำลังกลายเป็นปัญหาด้านความมั่นคง ซึ่งการแก้ปัญหาเรื่องยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อาจจะต้องนำกฏอัยการศึกกลับมาใช้ และผู้ค้ายาเสพติดจะต้องไม่มีที่อยู่อีกเรื่องที่ทางกระทรวงยุติธรรมกำลังเร่งแก้ปัญหาให้กับประชาชนคือเรื่องของหนี้สินรวมถึงหนี้ของข้าราชการโดยเฉพาะครูซึ่งเป็นหนี้มากที่สุด และหนี้กยศ.ซึ่งขณะนี้กระทรวงยุติธรรมกำลังเร่งดำเนินการอยู่ เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกหนี้และเจ้าหนี้ได้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย และ เข้าถึงกระบวนการยุติธรรม รวมถึงสิทธิประโยชน์อื่น ๆ จากสถาบันการเงิน นอกจากนี้ยังมีเรื่องการแก้ปัญหาที่ดินเพื่อให้ชาวบ้านต้องมีที่ทำกินอย่างน้อยๆ 20 ไร่ส่วนเรื่องที่ประชาชนได้สะท้อนผ่าน พ.ต.อ.ทวี ผ่านไปยังรัฐบาลคือเรื่องปัญหาเศรษฐกิจและราคาพืชผลทางการเกษตรโดยเฉพาะยางพาราที่ตกต่ำ ซึ่งมีเจ้าของสวนยางรายหนึ่งบอกว่าสวนยาง60ไร่ตอนนี้ไม่มีคนกรีดแล้วเพราะว่าราคายกตกต่ำ ซึ่งพ.ต.อ.ทวี ก็รับที่จะประสานให้นอกจากนี้พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมยังให้สัมภาษณ์ถึงคดีฮั้วสว.หลังจากที่กกต. และดีเอสไอ นำหมายเรียกคดีฮั้ว สว.ไปส่งมอบให้ สว. 53 คน เข้าชี้แจงโดยระบุว่าคดีนี้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ทุกอย่างมันมีกฎหมายอยู่ คดีนี้ไม่หนักใจ และยิ่งดีด้วยซ้ำที่มีการตรวจสอบ เพราะว่าตอนนี้แม้แต่องค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ ก็ยังมีการแจ้งข้อหา แสดงว่าที่ดีเอสไอรับทำเรื่องนี้ต้องมีมูลที่สำคัญจะต้องอำนวยความยุติธรรมให้ทุกคน แม้แต่คนที่เข้าใจว่าตนเองถูกกล่าวหาถ้าอยากจะไปให้การก็ไปได้ การทำงานของกระทรวงยุติธรรม โดยกรมสอบสวนอยากให้เป็นมืออาชีพ คำว่ามืออาชีพต้องมีวิชาชีพด้วย เพราะวิชาชีพกับอาชีพต่างกัน อาชีพจะหากำไร ส่วนวิชาชีพ ต้องมีศิลธรรมจรรยาบรรณและกฏหมายเข้าไป ทางดีเอสไอจะทำในฐานะวิชาชีพ จะปลอดจากอิทธิพลใดๆมาครอบงำ ส่วนการจะเรียกสว.ล๊อต2ล๊อต3มาชี้แจงหรือไม่นั้นเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับกกต.สำหรับการลงพื้นที่อ.หาดใหญ่ของพ.ต.อ.ทวี ในวันนี้ยังได้มีการเปิดตัว พล.ต.ท.พัฒนวุธ อังคะนาวิน ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจ.นราธิวาส รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค9และเกษียณราชการในตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานงบประมาณและการเงินสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยสมัยหน้าจะลงสมัครสส.เขต 2 จ.สงขลา ซึ่งอยู่ในพื้นที่อ.หาดใหญ่ ในนามของพรรคประชาชาติด้วย เพื่อเป็นตัวแทนของชาวเมืองหาดใหญ่และของพรรคประชาชาติ และตอนนี้ถึงจะยังไม่เป็นสส.แต่ก็ให้ลงพื้นที่ทำงานเหมือนสส.เพื่อรับเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนผ่านไปยังรัฐบาลและขยายฐานของพรรคประชาชาตินอกเหนือจากพื้นที่3จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เป็นฐานเสียงหลัก และสมัยหน้าพรรคประชาชาติก็จะส่งผู้สมัครครบทุกจังหวัดแต่อาจจะไม่ครบทุกเขต

สงขลา / สนามแตก ผู้การชาติ เพื่อน ลุงตู่ เบอร์ 4 ปราศรัย โค้งสุดท้ายคนนับหมื่นชูโยบายโดนใจคนทั้งเมืองหาดใหญ่วันนี้ ( 9 พฤษภาคม 2568 ) เวลา 18.30 น. ที่โรงเรียนเอ็งเสียงสามัคคีหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาพันเอก (พิเศษ) สุชาติ จันทรโชติกุล หรือที่รู้จักกันในนาม “ผู้การชาติ” ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในฐานะผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ หมายเลข 4 ในนาม “ทีมหาดใหญ่ต้องดีกว่าเดิม”โดยมีผู้ขึ้นปราศรัย นาย ประมุข ลมูล อดีต ผวจ.ปัตตานี ประธานที่ปรึกษา พันเอก (พิเศษ) สุชาติ จันทรโชติกุล นายพิเชฐฏ พัฒนโชติ อดีตรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ และประธาน บจก.เฮลทีเอิร์ธ มีผู้สนใจเข้าฟังปราศรัยหมื่นกว่า คนในงานเปิดตัวครั้งนี้ พันเอกสุชาติได้แถลงนโยบายหลัก 6 ด้าน ภายใต้แนวคิด “ชุมชนดีกว่าเดิม” โดยเน้นการกระจายงบประมาณสู่ชุมชนอย่างเป็นธรรมและโปร่งใส นโยบายสำคัญประกอบด้วย:• การจัดสรรงบประมาณ 130 ล้านบาทต่อปีให้กับ 103 ชุมชนในเขตเทศบาล เพื่อให้ชุมชนสามารถบริหารและพัฒนาตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ• การสนับสนุนกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ด้วยงบประมาณ 50 ล้านบาทต่อปี เพื่อเสริมสร้างระบบสาธารณสุขในระดับชุมชน• การส่งเสริมกลุ่มสตรีและเยาวชนให้มีบทบาทในการพัฒนาชุมชนและสังคม• การพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ให้มีความทันสมัยและตอบสนองความต้องการของประชาชน• การส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนและการสร้างงานในพื้นที่• การพัฒนาการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับประชาชนทุกช่วงวัย